Call Center 1183
รู้หรือไม่ โรคเบาหวานวัยไหนก็เป็นได้

รู้หรือไม่ โรคเบาหวานวัยไหนก็เป็นได้

หลายคนอาจคิดว่าเบาหวานเป็นโรคของผู้สูงอายุ และคนที่มีรูปร่างอ้วนท้วม หรือมีน้ำหนักเกินเกณฑ์เท่านั้น แต่แท้จริงแล้วไม่ว่าวัยไหนก็สามารถเป็นโรคเบาหวานได้เหมือนกัน โดยเฉพาะปัจจุบันพบว่ามีจำนวนผู้ป่วยเบาหวานเพิ่มสูงขึ้นทุกปี และไม่ได้เพิ่มขึ้นเฉพาะในผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ในเด็กและวัยรุ่นเองก็มีพบยอดผู้ป่วยที่สูงขึ้นเช่นกัน Tune Protect Thailand ขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับโรคเบาหวานให้มากยิ่งขึ้น


ชนิดของเบาหวาน


ชนิดของเบาหวานหากแบ่งตามสาเหตุของการเกิดโรค ของสมาคมโรคเบาหวานประเทศสหรัฐอเมริกา (American Diabetes Association) สามารถแบ่งออกมาได้เป็น 4 ชนิด ดังนี้


1. โรคเบาหวานชนิดที่ 1


เป็นโรคที่เกิดจากเบต้าเซลล์ของตับอ่อน ซึ่งมีหน้าที่ผลิตอินซูลินนั้นถูกทำลายโรคเบาหวานชนิคนี้จะสัมพันธ์กับพันธุกรรม และปัจจัยสิ่งแวดล้อม จึงมักพบในเด็ก ผู้ที่อายุน้อย หรือผู้ที่มีรูปร่างไม่อ้วน โดยการรักษาต้องใช้ยาอินซูลินในการรักษาเป็นหลัก


2. โรคเบาหวานชนิดที่ 2


เบาหวานชนิดนี้เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด โดยพบประมาณร้อยละ 95 ของผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด โดยเบาหวานชนิดที่ 2 นี้คือการที่ผู้ป่วยมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ร่วมกับการที่เบต้าเซลล์ของตับอ่อนถูกทำลาย ทำให้อินซูลินลดลงเรื่อยๆ มักพบใน ผู้ที่มีภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกิน หรือมีไขมันสะสมอวัยวะภายใน (visceral adiposity) และมักพบมากในผู้ใหญ่ วัยกลางคน แต่ก็สามารถพบในเด็ก และวัยรุ่นได้เช่นกัน


3. โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์


เบาหวานชนิดที่ 3 คือ โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ซึ่งเกิดจากระหว่างตั้งครรภ์มีความดื้อของอินซูลินเพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนต่างๆ เช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจน ฮอร์โมนเฮชซีจี ที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่อทั้งมารดาและทารก


4. โรคเบาหวานที่มีสาเหตุจำเพาะ


เป็นโรคเบาหวานที่มีสาเหตุชัดเจน ได้แก่ โรคเบาหวานที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรม โรคเบาหวานที่เกิดจากโรคของตับอ่อน เกิดจากการกินยา หรือโรคเบาหวานที่พบร่วมกับกลุ่มอาการต่างๆ เช่น Down syndrome เป็นต้น


กลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน, ประกันเบาหวาน


กลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน


สำหรับกลุ่มคนที่เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน คือ กลุ่มคนที่มีน้ำหนักเกิน แต่นอกจากเรื่องน้ำหนักแล้ว ก็อาจมีปัจจัยเสี่ยงอีกหลายๆ ประการที่เสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานได้ อาทิ

  • ผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 - 35 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน
  • ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง
  • ผู้หญิงที่มีประวัติเบาหวานขณะตั้งครรภ์หรือน้ำหนักบุตรแรกคลอดมากกว่า 4 กิโลกรัม
  • ผู้ที่ดื่มสุรา และผู้ที่สูบบุหรี่
  • ผู้ที่ขาดการออกกำลังกาย

เกณฑ์ชี้วัดอาการเบื้องต้นว่าเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานหรือไม่


โรคเบาหวานเป็นโรคที่มักจะมาแบบเงียบๆ โดยถ้าเราไม่ได้สังเกตตัวเองให้ดี หรือไม่ได้ตรวจสุขภาพ ก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่ากำลังเป็นโรคเบาหวานอยู่ โดยเกณฑ์ชี้วัดอาการเบื้องต้น มีดังนี้


ปัสสาวะบ่อยและปัสสาวะในปริมาณมาก


ในร่างกายผู้ที่เป็นเบาหวานจะพบว่าตับอ่อนไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินหรือหลั่งออกมาในปริมาณที่ไม่เพียงพอต่อร่างกาย จึงส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นกว่าปกติ และไตที่มีหน้าที่กรองของเสียออกจากเลือดก็ไม่สามารถกรองน้ำตาลกลับเข้าสู่เลือดได้ น้ำตาลและน้ำบางส่วนจึงถูกขับออกมาเป็นปัสสาวะในปริมาณมากกว่าปกติ


มีอาการกระหายน้ำ


เนื่องจากไตไม่สามารถกรองน้ำตาลกลับเข้าไปในเลือดจนขับออกมาเป็นปัสสาวะในปริมาณมาก ร่างกายจึงเกิดอาการขาดน้ำ ทำให้เกิดอาการกระหายน้ำและต้องการดื่มน้ำมากขึ้น


น้ำหนักลดผิดปกติ


การที่น้ำหนักลดลงผิดปกติ เนื่องจากร่างกายได้มีการเผาผลาญไขมันแทนการนำเอาน้ำตาลกลูโคสมาใช้เป็นพลังงาน และน้ำตาลกลูโคสบางส่วนถูกขับออกไปทางปัสสาวะเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้น้ำหนักลดลงผิดปกติและผอมแห้งอย่างผิดหูผิดตา


รู้สึกหมดแรงและอ่อนเพลีย


เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูง ร่างกายของผู้ที่เป็นเบาหวานไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้เป็นพลังงานได้เพียงพอ ส่งผลให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย รู้สึกอ่อนเพลียมากกว่าคนปกติ นอกจากนี้ยังหิวบ่อยขึ้นอีกด้วย


รู้สึกเบลอ สมองไม่แล่น


เนื่องจากน้ำตาลกลูโคสเป็นแหล่งพลังงานของร่างกาย เมื่อมีฮอร์โมนอินซูลินที่คอยทำหน้าที่ลำเลียงน้ำตาลกลูโคสไปเป็นพลังงานในส่วนต่างๆ ของร่างกายไม่เพียงพอ จะส่งผลให้เรารู้สึกเบลอ เกิดอาการสมองไม่แล่น และทำงานได้ช้าลง


วิธีป้องกันการเป็นโรคเบาหวาน


การป้องกันตนเองไม่ให้เป็นโรคเบาหวานนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก แค่เริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตให้เหมาะสม โดยเฉพาะการเลือกรับประทานอาหาร การควบคุมน้ำหนักให้คง และการออกกำลังสม่ำเสมอ ก็สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานได้มากขึ้นแล้ว สำหรับวิธีการป้องกันโรคเบาหวาน สามารถปฏิบัติตามได้ ดังนี้


เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์


การเลือกรับประทานอาหารอย่างถูกต้องและเหมาะสม เป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยป้องกันและชะลอภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานได้ โดยสามารถเลือกรับประทานได้ตามหลักการ ดังนี้


  • กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน และเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
  • กินผักให้มากและกินผลไม้เป็นประจำ เพราะเป็นแหล่งของวิตามิน แร่ธาตุต่างๆ ที่ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน
  • เลือกรับประทานปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ เพื่อเพิ่มโปรตีนและใยอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว และคอเลสเตอรอลสสูง เพราะมีผลต่อไขมันในเลือดและส่งผลต่อการมีน้ำหนักเกินเกณฑ์หลีกเลี่ยงอาหารหวานจัด และเค็มจัด เนื่องจากน้ำตาลทรายจัดเป็นคาร์โบไฮเดรตที่อยู่ในรูปของซูโครส เมื่อรับประทานเข้าไปจะถูกย่อยเป็นกลูโคสและฟรุกโทส ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ


การออกกำลังกายสามารถป้องกันโรคเบาหวานได้เช่นกัน โดยควรการออกกำลังกายสัปดาห์ละ 150 นาที หรือออกกำลังกายชนิดปานกลาง วันละ 20 – 25 นาทีทุกวัน นอกจากนี้การลดน้ำหนักลงมา 5 – 7 เปอร์เซ็นต์ ก็สามารถลดความเสี่ยงการเกิดเบาหวานได้ผลดีกว่าใช้ยาอีกด้วย


เนื่องจากว่าโรคเบาหวานไม่ได้ขึ้นกับการรับประทานอาหารและพฤติกรรมการกินอย่างเดียว ดังนั้น นอกจากเรื่องการดูแลอาหารการกิน และการออกกำลังกายแล้ว การวางแผนเผื่ออนาคตที่เราไม่อาจคาดเดาได้นั้นก็สำคัญ เช่น การทำประกันสุขภาพเบาหวาน จาก Tune Protect ประกันสุขภาพเบาหวาน ที่ให้ความคุ้มครองโรคเบาหวานในทุกระยะ และยิ่งตอบโจทย์สำหรับโรคเบาหวานที่เกิดได้กับทุกวัย เพราะสามารถสมัครได้ตั้งแต่อายุ 18-60 ปีเลยทีเดียว


โรคเบาหวานเป็นอีกภัยเงียบที่หลายคนมองข้าม แม้อาการของโรคจะไม่ได้รุนแรงเท่าโรคร้ายต่างๆ แต่ก็เป็นโรคที่สามารถก่อให้เกิดโรคร้ายอื่นๆ ตามมาได้เช่นกัน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไร จะเป็นผู้สูงอายุ วัยรุ่น หรือเด็กการดูแลตัวเองและการวางแผนเรื่องสุขภาพไว้แต่เนิ่นๆ จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้าม



ประกันสุขภาพเบาหวาน ประกันเบาหวาน Protect


ใช้ชีวิตเบาใจ เพราะมีประกันเบาหวาน Protect พร้อมคุ้มครองและป้องกันในทุกวันของคุณ อุ่นใจไร้กังวลเมื่อตรวจพบโรคเบาหวาน


จุดเด่นความคุ้มครอง ประกันภัย เบาหวาน Protect (ประกันภัยคุ้มครองโรคเบาหวาน)


  • คุ้มครองโคม่าจากโรคเบาหวาน รับสูงสุด 2,000,000 บาท*
  • คุ้มครองกันยาวๆ ตั้งแต่อายุ 1 - 65 ปี
  • รับเงินชดเชยกรณีผู้ป่วยใน IPD (สูงสุด 30 วัน)
  • เบี้ยเริ่มแค่วันละ 4บาท*
  • ฟรี! เข้าใช้โปรแกรมสุขภาพ Dfit เพื่อการป้องกันที่หลากหลายเฉพาะคุณ
  • ฟรี! โปรแกรมตรวจเลือด โดยโรงพยาบาลในเครือ
  • ทุกการซื้อ กรมธรรม์สมทบทุน มอบให้สภากาชาดไทย

*เงื่อนไขเป็นไปตามกรมธรรม์ ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง



บริการ โปรแกรมสุขภาพ Dfit ที่ตอบโจทย์ทุกปัญหาสุขภาพ ด้วยโค้ชสุขภาพเฉพาะบุคคล สามารถจัดระบบสุขภาพให้ลงตัวและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้มีให้คำปรึกษาเรื่องสุขภาพรอบด้านจากผู้เชียวชาญเฉพาะทาง ครอบคลุมทุกปัญหาสุขภาพและโภชนาการ ที่สำคัญมาในรูปแบบแอปพลิเคชัน ที่ทำให้เข้าถึงการดูแลสุขภาพได้ตลอด 24 ชั่วโมง ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ สำหรับใครที่ลงทะเบียนแล้วมีบริการตรวจเช็กสุขภาพ เพื่อป้องกันโรคเบาหวาน และโปรแกรมสุขภาพที่เหมาะกับเป้าหมายด้านสุขภาพของคุณโดยเฉพาะ


ไม่ว่าคุณจะอยู่ในวัยไหน ล้วนแต่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคเบาหวานทั้งนั้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิต นอกจากจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานแล้ว ยังเป็นสิ่งที่ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น รวมถึงการทำงานของร่างกายนั้น ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งนี้การหมั่นตรวจเช็กสุขภาพก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรทำ เพื่อลดโอกาสการเกิดโรคเบาหวานที่จะตามมาในอนาคต




บทความที่เกี่ยวข้อง